สรุปการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formation)
ชื่อ.ณัฐฤตา สกุล.มีมาก เลขที่.16 ห้อง.5/10
กลุ่มที่.6
ปัญหาที่นักเรียนศึกษา.ทำไมคนไทยต้องกลัวฝรั่ง
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
.เกิดความปัญญาที่เกิดมานานในประเทศเนื่องด้วยมาจากชาวไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครทำให้การสื่อสารเป็นภาาาไทยมาตลอดจนกระทั่งสังคมโลกเปิดกว้างเกิดการเเลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันทำให้เกิดการจัดตั้งโครงการใหญ่ของประเทศซึงประเทศไทยเข้าร่วมโครงการอาเซียน เเละใช่ภาาาอังกฤษเป็นกลางในการสื่อสาร เเต่ที่เป็นปัญหาหนัก เพราะอาจเกิดมาจากประเทศไทยไม่ได้เริ่มเรียนจากทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน เเละการไม่เข้าสู่น่าสนทนากับฝรั่ง หรืออาจเป็นเพราะวัฒนธรรมไม่เหมือนกันเลยเป็นที่มาของปัญญาหา เลยเกิดในการนำเสนอสารคดีเพื่อให้ได้ความรู้โดยใช้หลักวิธีการถ่ายทอดผ่านสารคดีเพื่อเป็นเเนวทางในการใช้ภาาาอังกฤษ
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาปัญหา..เพื่อให้คนไทยเปิดสังคมโลกกว้างกับผู้คนในต่างประเทศเพื่อให้คนไทยสนการเเลกเปลียนความคิดการพัฒนาความเจริญในประเทศ เเละกล้าที่จะเเสดงออกในการผู้คุยกับชาวต่างชาติ
2.เพื่อเรียนรู้วิธีการสร้างภาพยนต์สั้น/สารคดี/.เพื่อได้ศึกษาเรียนรู้ในการทำสารคดี
1. ภาพไกลมาก หรือ Extreme Long Shot (EXS)
เป็นขนาดภาพที่กว้างไกลมาก ขนาดภาพนี้มักใช้ในฉากเปิดเครื่องหรือเริ่มต้นเพื่อบอกสถานที่ว่า
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน ปกติฉากที่เปิดโดยใช้ภาพขนาดนี้มักมีขนาดกว้างใหญ่ เช่นมหานครซึ่งเต็ม
ไปด้วยหมู่ตึกสูงเสียดฟ้า, ท้องทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา, ขุนเขาสูงตระหง่าน,ฉากการประจันหน้า
กันในสงคราม, ฉากการแสดงมหกรรมคอนเสิร์ต ฯลฯ
จุดเด่นของภาพ Extreme Long Shot อยู่ตรงความยิ่งใหญ่ของภาพ ซึ่งสามารถสร้างพลัง
ดึงดูดคนดูไว้ได้เสมอ
เป็นขนาดภาพที่กว้างไกลมาก ขนาดภาพนี้มักใช้ในฉากเปิดเครื่องหรือเริ่มต้นเพื่อบอกสถานที่ว่า
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน ปกติฉากที่เปิดโดยใช้ภาพขนาดนี้มักมีขนาดกว้างใหญ่ เช่นมหานครซึ่งเต็ม
ไปด้วยหมู่ตึกสูงเสียดฟ้า, ท้องทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา, ขุนเขาสูงตระหง่าน,ฉากการประจันหน้า
กันในสงคราม, ฉากการแสดงมหกรรมคอนเสิร์ต ฯลฯ
จุดเด่นของภาพ Extreme Long Shot อยู่ตรงความยิ่งใหญ่ของภาพ ซึ่งสามารถสร้างพลัง
ดึงดูดคนดูไว้ได้เสมอ
2. ภาพไกล หรือ Long Shot (LS)
เป็นขนาดภาพที่ย่อมลงมาจากภาพ Extreme Long Shot คือ กว้างไกลพอที่จะมองเห็น
เหตุการณ์ โดยรวมทั้งหมดได้ เมื่อดูแล้วรู้ได้ทันทีว่าในฉากนี้ ใครทำอะไร อยู่ที่ไหนกันบ้าง
เพื่อให้คนดูไม่เกิดความสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวละครในฉากนั้นๆ ถือเป็นขนาดภาพ
ที่เหมาะกับการเปิดฉาก หรือเปิดตัวละคร เพื่อให้เห็นภาพรวม ก่อนที่จะนำคนดูเข้าไปใกล้
ตัวละครมากขึ้นในช็อต (Shot) ต่อไป
แต่ในขณะที่เหตุการร์ดำเนินไป เราก็ยังสามารถใช้ภาพ Long Shot ตัดสลับกับภาพขนาดอื่นๆ
ได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในเรื่อง ถ้าเป็นช่วงที่ต้องการแสดงให้เห้ท่าทางของตัวละคร
มากกว่าอารมณ์สีหน้าก็ควรใช้ภาพขนาดนี้
เป็นขนาดภาพที่ย่อมลงมาจากภาพ Extreme Long Shot คือ กว้างไกลพอที่จะมองเห็น
เหตุการณ์ โดยรวมทั้งหมดได้ เมื่อดูแล้วรู้ได้ทันทีว่าในฉากนี้ ใครทำอะไร อยู่ที่ไหนกันบ้าง
เพื่อให้คนดูไม่เกิดความสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวละครในฉากนั้นๆ ถือเป็นขนาดภาพ
ที่เหมาะกับการเปิดฉาก หรือเปิดตัวละคร เพื่อให้เห็นภาพรวม ก่อนที่จะนำคนดูเข้าไปใกล้
ตัวละครมากขึ้นในช็อต (Shot) ต่อไป
แต่ในขณะที่เหตุการร์ดำเนินไป เราก็ยังสามารถใช้ภาพ Long Shot ตัดสลับกับภาพขนาดอื่นๆ
ได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในเรื่อง ถ้าเป็นช่วงที่ต้องการแสดงให้เห้ท่าทางของตัวละคร
มากกว่าอารมณ์สีหน้าก็ควรใช้ภาพขนาดนี้
3. ภาพปานกลาง หรือ Medium Shot (MS)
เป็นภาพที่คนดูจะไม่ได้เห็นตัวละครตลอดทั้งร่างเหมือนภาพ Long Shot แตจะเห็นประมาณ
ครึ่งตัว เป็นขนาดภาพที่ทำให้รายละเอียดของตัวละครมากยิ่งขึ้น เหมือนพาคนดูก้าวไปใกล้ตัว
ละครให้มากขึ้น ภาพขนาดนี้ถูกใช้บ่อยมากกว่าภาพขนดอื่นๆ เพราะสามารถให้รายละเอียด
ได้มากไม่น้อยเกินไปคือคนดูจะได้เห็นทั้งท่าทางของตัวละคร และอารมณ์ที่ฉายบนสีหน้าไปพร้อมๆ
กัน
เป็นภาพที่คนดูจะไม่ได้เห็นตัวละครตลอดทั้งร่างเหมือนภาพ Long Shot แตจะเห็นประมาณ
ครึ่งตัว เป็นขนาดภาพที่ทำให้รายละเอียดของตัวละครมากยิ่งขึ้น เหมือนพาคนดูก้าวไปใกล้ตัว
ละครให้มากขึ้น ภาพขนาดนี้ถูกใช้บ่อยมากกว่าภาพขนดอื่นๆ เพราะสามารถให้รายละเอียด
ได้มากไม่น้อยเกินไปคือคนดูจะได้เห็นทั้งท่าทางของตัวละคร และอารมณ์ที่ฉายบนสีหน้าไปพร้อมๆ
กัน
4. ภาพใกล้หรือ Close up (CU)
เป็นขนาดภาพที่เน้นใบหน้าตัวละครโดยเฉพาะ เพื่อแสดงอารมณ์ของตัวละครในขณะนั้นว่า
รู้สึกอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพขนาดนี้มักมีการเคลื่อนไหวน้อย เพื่อให้คนดูเก็บรายละเอียด
ได้ครบถ้วน
เป็นขนาดภาพที่เน้นใบหน้าตัวละครโดยเฉพาะ เพื่อแสดงอารมณ์ของตัวละครในขณะนั้นว่า
รู้สึกอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพขนาดนี้มักมีการเคลื่อนไหวน้อย เพื่อให้คนดูเก็บรายละเอียด
ได้ครบถ้วน
4. ภาพใกล้.หรือ Extreme Close up (CU)
เป็นขนาดภาพที่ตรงกันข้ามชนิดสุดขั้วกับภาพ Extreme Long Shot คือจะพาคนดูเข้าไปใกล้
ตัวละครมากๆ เช่น แค่ตา ปาก จมูก เล็บ รวมเปถึงการถ่ายสิ่งของอื่น ๆ อย่างชิดติด เพื่อให้เห็น
รายละเอียดกันอย่างจะแจ้ง เช่น ก้อนนำแข็งในแก้ว, หัวแหวน, ไกปืน เป็นต้น เป็นต้น
เป็นขนาดภาพที่ตรงกันข้ามชนิดสุดขั้วกับภาพ Extreme Long Shot คือจะพาคนดูเข้าไปใกล้
ตัวละครมากๆ เช่น แค่ตา ปาก จมูก เล็บ รวมเปถึงการถ่ายสิ่งของอื่น ๆ อย่างชิดติด เพื่อให้เห็น
รายละเอียดกันอย่างจะแจ้ง เช่น ก้อนนำแข็งในแก้ว, หัวแหวน, ไกปืน เป็นต้น เป็นต้น
การเคลื่อนไหวที่เกิดจากการทำงานของกล้องนั้น นับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของกล้องไปพร้อมกับการบันทึกภาพ ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะภาพ รูปแบบ และเนื้อหาของการนำเสนอภาพไปด้วย การเคลื่อนไหวกล้องจะเป็นส่วนที่ช่วยส่งเสริมเรื่องราวของภาพ และทำให้ผู้
ชมเกิดความรู้สึกร่วมที่เป็นจริงมากขึ้นกับการนำเสนอภาพในช่วงนั้น โดยทั่วๆ ไปการเคลื่อนไหวกล้องมีหลักการขั้นพื้นฐานที่นำมาใช้ในการถ่ายภาพ 4 ลักษณะด้วยกัน คือ
1.การแพน(Panning) คือ การเคลื่อนที่ของกล้องตามแนวนอนไปทางซ้ายหรือทางขวา โดยกล้องยังอยู่ ณ จุดเดิม
ชมเกิดความรู้สึกร่วมที่เป็นจริงมากขึ้นกับการนำเสนอภาพในช่วงนั้น โดยทั่วๆ ไปการเคลื่อนไหวกล้องมีหลักการขั้นพื้นฐานที่นำมาใช้ในการถ่ายภาพ 4 ลักษณะด้วยกัน คือ
1.การแพน(Panning) คือ การเคลื่อนที่ของกล้องตามแนวนอนไปทางซ้ายหรือทางขวา โดยกล้องยังอยู่ ณ จุดเดิม
2.การซูม(Zooming) คือ การทำให้มุมของภาพเปลี่ยนไปตามความยาวโฟกัสของเลนส์ เช่น การทำให้วัตถุมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยการปรับความยาวโฟกัสให้ยาว (Zoom In) หรือ การทำให้วัตถุมีขนาดเล็กลง โดยการปรับความยาวโฟกัสให้สั้น (Zoom Out)
3.การทิ้ลท์(Tilting) คือ การเคลื่อนที่ของกล้องตามแนวดิ่ง จากล่างขึ้นบนและจากบนลงล่าง โดยกล้องยังอยู่ ณ จุดเดิม เพื่อให้เห็นวัตถุตามแนวตั้ง
4.การดอลลี่(Dolling) คือ การเคลื่อนกล้อง เข้าหาวัตถุ (Dolly in) หรือ การเคลื่อนกล้อง ออกจากวัตถุ (Dolly out) การดอลลี่ (Dolly) จะคล้ายๆ กับการซูม (Zoom) ความลึกของภาพจะมากกว่าการซูม
5.การแทรค(Trucking/Tracking) คือ การเคลื่อนกล้องไปด้านซ้ายหรือขวาให้ขนาดกับวัตถุ การแทรคจะคล้ายกับการแพน แต่จะให้ความรู้สึกเคลื่อนผู้ชมให้เคลื่อนที่ เพราะฉากจะมีการเปลี่ยนแปลงตามการเคลื่อนกล้อง
ผลการศึกษา (ให้เขียนตามวัตถุประสงค์ )
จากบริเวณรอบตัวการใช้ภาษา
1.คนไทยเรียนจากทักษะการ เขียน อ่าน พูด ฟังถึงผิดเพี้ยนไปจากหลักความเป็นอยู่เพราะขนาดภาาาไทยไม่มีใครพูดได้เเต่เกิดจากการฟังพัฒนามาเป็น พู อ่านเขียน
2.การไม่รู้คำศัพท์หรือไวยากรณ์ เพราะภาษาอังกฤษมีเเกรมมาไม่เหมือนคนไทยการพูดจากมีความรู้สึกว่าเเปลจากหลังมาหน้า มัหลักเทคนิกที่ไม่ต้อพูดเฉาะเหมือนภาษาไทย เช่า edถ้าเดิไปจะบอกว่าผ่านมาเเล้วเเต่สำหรับคนไทยต้องบอกวันเวลาชัดเจน
3การฟังเจ้าของภาาาพูดไม่รู้เรื่อง เป็นเพราะวัฒนธรรมต่างการฝรั่งจะพูดเร็ว เเต่คนไทยพูดช้าๆๆจะถ์อว่าเพราะไม่เร็วฉะฉานเหมือนฝรั่งดูไม่ค่อยอ่อนฉ้อยเหมือนกับวัฒนธรรมไทย
เสนอผลการศึกษาเป็นสารคดี
1.การได้วิธีการการนำเสนองานเพื่อให้ได้ความรู้ได้วิธีการนำเสนอเพื่อให้การความดึงดูดใจ
2.ได้หลักการในการในชีวิตประจำวันเพื่อให้รู้ว่าในหนังจิงจริงๆๆเป็นอย่างงี้
เสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยองค์ความรู้จากการค้นพบ
1.ควรฟังภาษาอังกฤษให้เยอะๆๆๆฝึกฟังบ่อยให้รูสำเนียน ฝังไปเรื่อยจนเเปลออกเปิดดิกหาความหมาย เเล้วพัฒนการการพูดโดยไม่จำเป็นว่าสำเนียงต้องเป็นของเค้าเพราะเพราะคนไทยจะดูเหมือนเยอะเเค่พูดให้เค้าฟังรู้เรื่องเเต่เวลา่อไปเราจะฝึกสกิวในการพูดเอง การอ่าควรเริ่มจากการอ่านโดยจะฝึกการรู้ศัพท์ให้มากๆๆขึ้นจะส่งผลดีต่อการเขียนโดยต้องเรียนรู้หลักไวยากรณ์ต่างๆๆซึ่งจะเเตกต่างจากภาษาไทย
2.ฝึกทักษะการสู้หน้าต่อสังคมรู้จักเผชิญประสบการจริง
3.ควรรู้การวัฒนธรรมของเค้าเพื่อเป็นเเเนวทางในการสนทนา
นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเรียนวิชา IS1
ทำให้รู้การคิดสำดับเหตุการฝึกกระบวนการคิดเป็นข้นตอนโดยเริ่มจากความคิดในการทำหนังสั้น ฝึกสกิวในการทำอ่านในการทำงานเชิงศิลปะ เรียนรู้การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มโดยทุกคนต้องยอมรับความคิดเห็นของเเต่ละคนเเล้วเอามาปรับปรุง
ได้ความรู้ในการใช้ภาษาในตัว ถือเป็นการเสริมความรู้ในวิชาภาษาอังกฤษ