วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formation)

สรุปการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formation)  
ชื่อ.ณัฐฤตา สกุล.มีมาก  เลขที่.16 ห้อง.5/10
กลุ่มที่.6
ปัญหาที่นักเรียนศึกษา.ทำไมคนไทยต้องกลัวฝรั่ง
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
.เกิดความปัญญาที่เกิดมานานในประเทศเนื่องด้วยมาจากชาวไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครทำให้การสื่อสารเป็นภาาาไทยมาตลอดจนกระทั่งสังคมโลกเปิดกว้างเกิดการเเลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันทำให้เกิดการจัดตั้งโครงการใหญ่ของประเทศซึงประเทศไทยเข้าร่วมโครงการอาเซียน เเละใช่ภาาาอังกฤษเป็นกลางในการสื่อสาร เเต่ที่เป็นปัญหาหนัก เพราะอาจเกิดมาจากประเทศไทยไม่ได้เริ่มเรียนจากทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน เเละการไม่เข้าสู่น่าสนทนากับฝรั่ง หรืออาจเป็นเพราะวัฒนธรรมไม่เหมือนกันเลยเป็นที่มาของปัญญาหา เลยเกิดในการนำเสนอสารคดีเพื่อให้ได้ความรู้โดยใช้หลักวิธีการถ่ายทอดผ่านสารคดีเพื่อเป็นเเนวทางในการใช้ภาาาอังกฤษ
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาปัญหา..เพื่อให้คนไทยเปิดสังคมโลกกว้างกับผู้คนในต่างประเทศเพื่อให้คนไทยสนการเเลกเปลียนความคิดการพัฒนาความเจริญในประเทศ เเละกล้าที่จะเเสดงออกในการผู้คุยกับชาวต่างชาติ
2.เพื่อเรียนรู้วิธีการสร้างภาพยนต์สั้น/สารคดี/.เพื่อได้ศึกษาเรียนรู้ในการทำสารคดี

1. ภาพไกลมาก หรือ Extreme Long Shot (EXS) 
    เป็นขนาดภาพที่กว้างไกลมาก ขนาดภาพนี้มักใช้ในฉากเปิดเครื่องหรือเริ่มต้นเพื่อบอกสถานที่ว่า
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน ปกติฉากที่เปิดโดยใช้ภาพขนาดนี้มักมีขนาดกว้างใหญ่ เช่นมหานครซึ่งเต็ม
ไปด้วยหมู่ตึกสูงเสียดฟ้า, ท้องทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา, ขุนเขาสูงตระหง่าน,ฉากการประจันหน้า
กันในสงคราม, ฉากการแสดงมหกรรมคอนเสิร์ต ฯลฯ 
    จุดเด่นของภาพ Extreme  Long  Shot อยู่ตรงความยิ่งใหญ่ของภาพ  ซึ่งสามารถสร้างพลัง
ดึงดูดคนดูไว้ได้เสมอ
2. ภาพไกล หรือ Long Shot (LS)
    เป็นขนาดภาพที่ย่อมลงมาจากภาพ Extreme  Long  Shot คือ กว้างไกลพอที่จะมองเห็น
เหตุการณ์ โดยรวมทั้งหมดได้  เมื่อดูแล้วรู้ได้ทันทีว่าในฉากนี้ ใครทำอะไร  อยู่ที่ไหนกันบ้าง
เพื่อให้คนดูไม่เกิดความสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวละครในฉากนั้นๆ ถือเป็นขนาดภาพ
ที่เหมาะกับการเปิดฉาก หรือเปิดตัวละคร  เพื่อให้เห็นภาพรวม  ก่อนที่จะนำคนดูเข้าไปใกล้
ตัวละครมากขึ้นในช็อต (Shot) ต่อไป
     แต่ในขณะที่เหตุการร์ดำเนินไป  เราก็ยังสามารถใช้ภาพ Long Shot ตัดสลับกับภาพขนาดอื่นๆ
ได้เช่นกัน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในเรื่อง  ถ้าเป็นช่วงที่ต้องการแสดงให้เห้ท่าทางของตัวละคร
มากกว่าอารมณ์สีหน้าก็ควรใช้ภาพขนาดนี้
3. ภาพปานกลาง หรือ Medium Shot (MS)
    เป็นภาพที่คนดูจะไม่ได้เห็นตัวละครตลอดทั้งร่างเหมือนภาพ Long Shot
 แตจะเห็นประมาณ
ครึ่งตัว  เป็นขนาดภาพที่ทำให้รายละเอียดของตัวละครมากยิ่งขึ้น  เหมือนพาคนดูก้าวไปใกล้ตัว
ละครให้มากขึ้น  ภาพขนาดนี้ถูกใช้บ่อยมากกว่าภาพขนดอื่นๆ เพราะสามารถให้รายละเอียด
ได้มากไม่น้อยเกินไปคือคนดูจะได้เห็นทั้งท่าทางของตัวละคร  และอารมณ์ที่ฉายบนสีหน้าไปพร้อมๆ
กัน
4. ภาพใกล้หรือ Close up (CU)
    เป็นขนาดภาพที่เน้นใบหน้าตัวละครโดยเฉพาะ เพื่อแสดงอารมณ์ของตัวละครในขณะนั้นว่า
รู้สึกอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพขนาดนี้มักมีการเคลื่อนไหวน้อย เพื่อให้คนดูเก็บรายละเอียด
ได้ครบถ้วน
4. ภาพใกล้.หรือ Extreme Close up (CU)
    เป็นขนาดภาพที่ตรงกันข้ามชนิดสุดขั้วกับภาพ Extreme Long Shot คือจะพาคนดูเข้าไปใกล้
ตัวละครมากๆ เช่น แค่ตา ปาก จมูก เล็บ รวมเปถึงการถ่ายสิ่งของอื่น ๆ อย่างชิดติด เพื่อให้เห็น
รายละเอียดกันอย่างจะแจ้ง เช่น ก้อนนำแข็งในแก้ว, หัวแหวน, ไกปืน เป็นต้น เป็นต้น

การเคลื่อนไหวที่เกิดจากการทำงานของกล้องนั้น นับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของกล้องไปพร้อมกับการบันทึกภาพ ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะภาพ รูปแบบ และเนื้อหาของการนำเสนอภาพไปด้วย การเคลื่อนไหวกล้องจะเป็นส่วนที่ช่วยส่งเสริมเรื่องราวของภาพ และทำให้ผู้
ชมเกิดความรู้สึกร่วมที่เป็นจริงมากขึ้นกับการนำเสนอภาพในช่วงนั้น โดยทั่วๆ ไปการเคลื่อนไหวกล้องมีหลักการขั้นพื้นฐานที่นำมาใช้ในการถ่ายภาพ 4 ลักษณะด้วยกัน คือ
1.การแพน(Panning) คือ การเคลื่อนที่ของกล้องตามแนวนอนไปทางซ้ายหรือทางขวา โดยกล้องยังอยู่ ณ จุดเดิม
2.การซูม(Zooming) คือ การทำให้มุมของภาพเปลี่ยนไปตามความยาวโฟกัสของเลนส์ เช่น การทำให้วัตถุมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยการปรับความยาวโฟกัสให้ยาว (Zoom In) หรือ การทำให้วัตถุมีขนาดเล็กลง โดยการปรับความยาวโฟกัสให้สั้น (Zoom Out)
3.การทิ้ลท์(Tilting) คือ การเคลื่อนที่ของกล้องตามแนวดิ่ง จากล่างขึ้นบนและจากบนลงล่าง โดยกล้องยังอยู่ ณ จุดเดิม เพื่อให้เห็นวัตถุตามแนวตั้ง
4.การดอลลี่(Dolling) คือ การเคลื่อนกล้อง เข้าหาวัตถุ (Dolly in) หรือ การเคลื่อนกล้อง ออกจากวัตถุ (Dolly out) การดอลลี่ (Dolly) จะคล้ายๆ กับการซูม (Zoom) ความลึกของภาพจะมากกว่าการซูม
5.การแทรค(Trucking/Tracking) คือ การเคลื่อนกล้องไปด้านซ้ายหรือขวาให้ขนาดกับวัตถุ การแทรคจะคล้ายกับการแพน แต่จะให้ความรู้สึกเคลื่อนผู้ชมให้เคลื่อนที่ เพราะฉากจะมีการเปลี่ยนแปลงตามการเคลื่อนกล้อง


ผลการศึกษา (ให้เขียนตามวัตถุประสงค์ )
   จากบริเวณรอบตัวการใช้ภาษา
1.คนไทยเรียนจากทักษะการ เขียน อ่าน พูด ฟังถึงผิดเพี้ยนไปจากหลักความเป็นอยู่เพราะขนาดภาาาไทยไม่มีใครพูดได้เเต่เกิดจากการฟังพัฒนามาเป็น พู อ่านเขียน
2.การไม่รู้คำศัพท์หรือไวยากรณ์ เพราะภาษาอังกฤษมีเเกรมมาไม่เหมือนคนไทยการพูดจากมีความรู้สึกว่าเเปลจากหลังมาหน้า มัหลักเทคนิกที่ไม่ต้อพูดเฉาะเหมือนภาษาไทย เช่า edถ้าเดิไปจะบอกว่าผ่านมาเเล้วเเต่สำหรับคนไทยต้องบอกวันเวลาชัดเจน
3การฟังเจ้าของภาาาพูดไม่รู้เรื่อง เป็นเพราะวัฒนธรรมต่างการฝรั่งจะพูดเร็ว เเต่คนไทยพูดช้าๆๆจะถ์อว่าเพราะไม่เร็วฉะฉานเหมือนฝรั่งดูไม่ค่อยอ่อนฉ้อยเหมือนกับวัฒนธรรมไทย
 เสนอผลการศึกษาเป็นสารคดี
1.การได้วิธีการการนำเสนองานเพื่อให้ได้ความรู้ได้วิธีการนำเสนอเพื่อให้การความดึงดูดใจ
2.ได้หลักการในการในชีวิตประจำวันเพื่อให้รู้ว่าในหนังจิงจริงๆๆเป็นอย่างงี้


เสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยองค์ความรู้จากการค้นพบ
1.ควรฟังภาษาอังกฤษให้เยอะๆๆๆฝึกฟังบ่อยให้รูสำเนียน ฝังไปเรื่อยจนเเปลออกเปิดดิกหาความหมาย เเล้วพัฒนการการพูดโดยไม่จำเป็นว่าสำเนียงต้องเป็นของเค้าเพราะเพราะคนไทยจะดูเหมือนเยอะเเค่พูดให้เค้าฟังรู้เรื่องเเต่เวลา่อไปเราจะฝึกสกิวในการพูดเอง การอ่าควรเริ่มจากการอ่านโดยจะฝึกการรู้ศัพท์ให้มากๆๆขึ้นจะส่งผลดีต่อการเขียนโดยต้องเรียนรู้หลักไวยากรณ์ต่างๆๆซึ่งจะเเตกต่างจากภาษาไทย
2.ฝึกทักษะการสู้หน้าต่อสังคมรู้จักเผชิญประสบการจริง
3.ควรรู้การวัฒนธรรมของเค้าเพื่อเป็นเเเนวทางในการสนทนา


นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเรียนวิชา IS1
ทำให้รู้การคิดสำดับเหตุการฝึกกระบวนการคิดเป็นข้นตอนโดยเริ่มจากความคิดในการทำหนังสั้น ฝึกสกิวในการทำอ่านในการทำงานเชิงศิลปะ เรียนรู้การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มโดยทุกคนต้องยอมรับความคิดเห็นของเเต่ละคนเเล้วเอามาปรับปรุง
ได้ความรู้ในการใช้ภาษาในตัว ถือเป็นการเสริมความรู้ในวิชาภาษาอังกฤษ

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ






สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 10. Hadrian’s Wall

กำแพงเฮเดรียน (Hadrian’s Wall) สร้างขึ้นโดยชาวโรมัน จุดประสงค์เพื่อปกป้องอาณานิคมจากการรุกรานของชนเผ่าสก็อตแลนด์ มีความยาว 117 เมตร พาดขวางแนวตอนเหนือของเกาะอังกฤษ ตั้งแต่ทะเลไอริชจนถึงทะเลเหนือ กำแพงเฮเดรียน เริ่มสร้างในรัชสมัยของจักรพรรดิเฮเดรียนในปี ค.ศ. 122 เสร็จสมบูรณ์ภายในเวลา 6 ปี ปัจจุบัน มีเพียงกำแพงส่วนกลางที่ยังคงปรากฏให้เห็น สามารถเดินได้ตลอดแนวกำแพง ด้วยความเก่าแก่และสวยงาม กำแพงเฮเดรียน จึงเป็นหนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และจดทะเบียนเป็น มรดกโลก ในปี ค.ศ. 1987
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 9. Warwick Castle

ปราสาทวอริค โครงสร้างเดิมเป็นไม้ สร้างโดย สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ แห่งอังกฤษ ใน ปีค.ศ. 1068 และได้รับการบูรณะใหม่ โดยปรับเปลี่ยนโครงสร้างเป็นหินในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ช่วงสงครามร้อยปี ด้านหน้าของ ปราสาทวอริค ที่หันตรงข้ามกับเมือง ก็ได้รับการเสริมสร้างให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ ปราสาทวอริค กลายเป็นที่จดจำว่าเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมทางการทหารในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เมื่อปี ค.ศ. 2001 ปราสาทวอริค ถูกขนานนามว่าเป็น 1 ใน 10 ของอนุสรณ์สถานแห่งประวัติศาสตร์ชาติ และเป็นหนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 8. Lake District

อีกหนึ่ง สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ Lake District อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ในมณฑลคัมเบรีย จุดดึงดูดใจอยู่ที่ทะเลสาบและเทือกเขา ซึ่งเกิดจากการระบิดของธารน้ำแข็งในยุคสมัยก่อน เกิดเป็นภาพน้ำ ภาพเขา สวยจับใจ จนทุกวันนี้ Lake District เป็นอีกหนึ่งจุดหมายชื่อดังสำหรับนักปีนเขา ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือน ราว 14 ล้านคน
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 7. Tower of London


หอคอยแห่งลอนดอน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน เป็นพระราชวังหลวงและป้อมปราการ สร้างขึ้นโดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1078 เพื่อป้องกันการโจมตีของชาวเมืองที่ต่อต้านชาวนอร์มัน ต่อมา หอคอยแห่งลอนดอน  ถูกใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่มียศศักดิ์สูง ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1100 จนถึง กลางศตวรรษที่ 20 และที่แห่งนี้ถูกโจษจันว่าเป็นหนึ่งในสถานที่สุดหลอน
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 6. The Cotswolds

คอทส์โวลส์ แนวเนินเขาละมุนน่าสัมผัส เมืองที่มีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่ชวนหลงใหลที่สุด หนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ จุดที่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเล คือ ระยะ 330 เมตร สถานที่ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ได้แก่ หมู่บ้านที่สร้างจากหินสีน้ำผึ้ง ย่านเมืองเก่าแห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอังกฤษ
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 5. Durham Cathedral


มหาวิหารเดอรัม คริสตจักรมหาวิหารของพระคริสต์ พระนางมารีย์พรหมจารี และเซนต์คัธเบิร์ตแห่งเดอรัม ตั้งอยู่ที่ เมืองเดอรัม ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ  เป็นตึกนอร์มันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ โครงสร้างของ มหาวิหารเดอรัม เป็นหิน ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1093 ลักษณะโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นแบบโรมาเนสก์ มีหอคอยสูง 66 เมตร มีบันไดขึ้นทั้งหมด 325 ขั้น ภายหลังได้รับการบูรณะและเพิ่มเติมบางส่วน แต่โดยรวมแล้ว มหาวิหารเดอรัม ก็ยังคงเป็นสถาปัตยกรรมแบบนอร์มัน ในปี ค.ศ. 2011 สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ แห่งนี้ ได้รับการโหวตจากโพลของสำนักข่าว BBC ให้เป็น สิ่งก่อสร้างที่น่าหลงใหลมากที่สุดในเกาะอังกฤษ องค์การยูเนสโกยกให้ มหาวิหารเดอรัม เป็น มรดกโลก พร้อมกับ ปราสาทเดอรัม ซึ่งอยู่ตรงกันข้าม ริมแม่น้ำเวียร์
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 4. York Minster

มหาวิหารยอร์ก เป็นคริสต์ศาสนสถานแบบกอธิค ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตอนเหนือ (รองจากมหาวิหารโคโลญ ประเทศเยอรมนี) มหาวิหารยอร์ก เริ่มสร้างใน ปี ค.ศ. 1230 และเสร็จสมบูรณ์ใน ปี ค.ศ. 1472 เป็นสิ่งก่อสร้างที่รวมลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบกอธิคไว้ทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่จดจำ คือ หน้าต่างบานใหญ่ ชื่อ “Great East Window” สร้างใน ปี ค.ศ. 1408 ถือเป็นหน้าต่างประดับกระจกสีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 3. Windsor Castle

สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ที่คุ้นชื่อกันดี พระราชวังวินด์เซอร์ เป็นหนึ่งในที่ประทับของ Queen Elizabeth ที่สอง ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และถือเป็นพระราชฐานที่ยังมีผู้อยู่อาศัยที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก พระมหากษัตริย์และกษัตรีย์แห่งอังกฤษเกือบทุกพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างและพัฒนา พระราชวังวินด์เซอร์ จากประวัติตามรัชสมัยต่างๆ ในยามสงบจากศึก พระราชวังวินด์เซอร์ ถูกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ ในยามสงคราม พระราชวังวินด์เซอร์ จะถูกใช้เป็นป้อมปราการด้วยการสร้างเสริมอย่างแน่นหนา และระบบนี้ยังคงใช้สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 2. Big Ben

หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ หรือรู้จักกันดีในชื่อของ บิ๊กเบน หอเก่าแก่นี้ถูกสร้าง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2377 หลังจากไฟไหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์เดิม แท้จริงแล้ว บิ๊กเบน ไม่ใช่ชื่อหอนาฬิกา แต่เป็นชื่อของ ระฆังหนัก 13 ตัน ซึ่งแขวนอยู่ตรงช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา และคำว่า บิ๊กเบน นั้นนำมาจากชื่อของ เซอร์ Benjamin Hall ชายคนแรกที่สั่งซื้อระฆัง Big Ben มีความสูง 96.3 เมตร เป็นหอนาฬิกาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งอังกฤษ ทั้งยังปรากฏในภาพยนตร์หลายเรื่อง
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 1. Stonehenge

สุดยอด สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ต้องยกให้ สโตนเฮนจ์ กลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ บนที่ราบ Salisbury บริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ที่มาของ สโตนเฮนจ์ ยังไม่มีบทสรุปที่แท้จริง มีเพียงข้อสันนิษฐานมากมาย นักโบราณคดีเชื่อว่า กองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง เมื่อประมาณ 3000 – 2000 ปี ก่อนคริสตกาล โดยการคำนวณอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าแท่งหินยักษ์ทั้งหมดถูกชักลากมาจากที่อื่น เนื่องจากที่ราบบริเวณนั้นไม่มีหิน ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจาก “ทุ่งมาร์ลโบโร” ที่อยู่ห่างออกไป 40 กิโลเมตร แต่ก็มีความเชื่อไปในทางเดียวกันว่า สโตนเฮนจ์ น่าจะถูกสร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของคนในยุคโบราณ ด้วยความอัศจรรย์และความลึกลับที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัด สโตนเฮนจ์ จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก


10 นิสัยไทยๆที่ไม่ควรนำไปใช้ในต่างประเทศ

10 นิสัยไทยๆที่ไม่ควรนำไปใช้ในต่างประเทศ

1. มาสาย - อันนี้แย่ที่สุดเพราะคนไทยมักจะขาดระเบียบเรื่องเวลาตลอด สายนิดสายหน่อยไม่ว่ากัน แต่คนต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันตกกับชาวญี่ปุ่นเค้าถือเรื่องเวลาเอามากๆๆๆๆ นัดแล้วต้องเป็นนัด ต้องมาตามเวลาเป๊ะๆ (ควรมาก่อนเวลาซัก 5-10 นาทีด้วยซ้ำ) ถ้าเค้านัด 10 โมงแต่ดันมา10.05 นี่ก็ถือว่าสายมากแล้ว ยิ่งถ้าเป็นเวลาประชุมจะถือว่าเราขาดความรับผิดชอบและเสียมารยาทมากๆ ด้วย อันนี้เจอกับตัวเองเพราะว่าเพื่อนเคยนัดกันไปกินอาหารเย็นเป็นกลุ่มใหญ่ๆ นัด ณ เวลา 16.00 เราโผล่ไป16.03 พอเราไปถึงที่นัดทุกคนมาหมดแล้วเหลือเราคนเดียวเลยโดนตักเตือนไปว่าอย่ามาสายอีก (เรานี่แบบเหงื่อตกไปเลย แค่สามนาทีเองอ่ะT^T ถ้าเป็นที่ไทยถือว่าตรงเวลานะนั่น...)

2. ต่อคิว
เวลาไปซื้อของ ซื้ออาหาร ซื้อตั๋ว ช่วยหันไปดูหน่อยว่าเค้าเข้าคิวกันตรงไหน เพราะว่าบางที่เค้าจะให้ยืนรอห่างๆ แล้วพอถึงคิวเราค่อยเดินเข้าไปจ่ายเงิน
อย่าเดินไปแซงคิวคนอื่นเพราะว่าอาจโดนคนที่ต่อคิวอยู่เดินมาต่อว่าเอาได้ แล้วที่แย่มากๆ ที่เราเคยเห็นคือเข้าคิวคนเดียวแล้วเจอเพื่อนหรือคนรู้จักดันให้เค้ามาในคิวเฉยเลย (เคยเห็นฝรั่งด้านหลังเดินเข้ามาต่อว่าแบบจะจะ บางที่เค้าก็มีเจ้าหน้าที่ดึงคนแซงออกจากคิวด้วย)
ที่ต้องระวังคือการขึ้นรถบัสหรือรถไฟอย่าวิ่งไปแซงคนข้างหน้าเพราะว่าเค้าจะต่อแถวกันขึ้นไป บางที่แม้ว่าจะไม่มีการต่อแถวรอรถแต่ว่าคนที่จะขึ้นรถจะจำคนที่มาก่อนแล้วเดินตามคนๆ นั้นไม่แซงคนที่มารอก่อนอีกต่างหาก เป็นระเบียบกันสุดๆ ยังไงช่วยเคารพกฏการต่อแถวอย่าแซงคิวคนอื่นด้วยนะคะ

3. การกินอาหาร
คนไทยมักจะกินอาหารด้วยการสั่งมาแล้วกินด้วยกัน แต่ว่าประเทศอื่นๆ เค้ากินจานใครจานมัน ไม่มีการแชร์กัน เวลาก่อนสั่งอาหารควรจะดูโต๊ะข้างๆ ก่อนว่าเค้ากินกันยังไง ถ้าเค้าสั่งมาแล้วแชร์กันได้ก็สั่งไป แต่ว่าถ้ากินแยกจานกันเราก็ไม่ควรสั่งมาแชร์กัน แยกสั่งจานใครจานมันไป (ตักแบ่งชิมกันได้ไม่แปลกแต่อย่าเอาวางไว้ตรงกลางแล้วกินด้วยกันแบบไทยๆก็พอค่ะ) 
น้ำดื่มบนโต๊ะ ก่อนหยิบดื่มควรดูให้ดีๆว่าแก้วน้ำของเราอยู่ฝั่งไหน อย่าหยิบของคนข้างๆ มาดื่มเพราะว่ามันเสียมารยาทมากๆ อย่างที่บอก ฝรั่งเค้าถือมากเรื่องอาหารของใครของมัน ไม่ใช่แบบไทยๆที่เป็นเพื่อนกันแล้วก็หยิบน้ำเค้ามาดื่มได้หน้าตาเฉย
เรื่องการกินอาหารให้หมดจาน อันนี้แล้วแต่ละประเทศว่าธรรมเนียมเค้าเป็นยังไง บางประเทศเราต้องกินอาหารให้หมดจานเพื่อให้เจ้าของบ้านภูมิใจว่าเค้าทำอาหารอร่อย แต่บางประเทศเราต้องเหลืออาหารไว้เล็กน้อยเป็นการขอบคุณเจ้าของบ้าน (มีเพื่อนเคยเล่าให้ฟังว่าเคยไปกินข้าวเย็น เจ้าของบ้านทำอร่อยมากเค้าเลยกินหมดจาน เจ้าของบ้านเห็นเลยเติมให้อีกเรื่อยๆ เค้าก็กินหมดเรื่อยๆ ที่ไหนได้ประเพณีบ้านนี้ถ้าอิ่มแล้วต้องเหลืออาหารไว้ที่จานเล็กน้อยแล้วรวบมีดกับส้อมเพื่อเป็นการขอบคุณ ถ้ากินหมดเจ้าของบ้านจะเติมให้อีกเพราะคิดว่าแขกยังไม่อิ่ม เล่นเอากินกันจนจุกเลย) ถ้าจะให้ดี ค่อยๆกินช้าๆ แล้วดูคนที่อิ่มก่อนว่าเค้าทำกันยังไง ไม่อย่างนั้นเราอาจทำเรื่องเสียมารยาทโดยไม่รู้ตัวได้
ถ้าไปงานปาร์ตี้แล้วมีอาหารบุฟเฟ่ เวลาตักอาหารให้ตักพอกินอิ่มในรอบเดียว อย่าเดินหลายรอบยกเว้นว่าจะหิวจริงจัง (ไม่ควรตักอาหารพูนจานด้วย เพราะจะทำให้เราดูตะกละมาก)
ห้ามนำอาหารจากนอกร้านเข้ามานั่งกินในร้านอาหาร ห้ามเอาน้ำจากร้านนึงไปร้านนึง เข้าร้านเครื่องดื่มต้องซื้อของที่นั่น นั่งฟรีไม่ได้ เวลาเข้าร้านขายของหรือห้างสรรพสินค้าบางที่ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มติดเข้าไปอีกต่างหากต้องดื่มกินให้เรียบร้อยก่อน
การดมอาหาร อันนี้เคยมีเพื่อนชาวแอฟริกันเล่าให้ฟังว่าสิ่งที่แย่ที่สุดคือการสูดดมอาหารก่อนกิน ถ้ามีคนยื่นอาหารให้แล้วดมอาหารนั้น เค้าจะไม่กินเลย (คล้ายๆกับว่าทำให้อาหารสกปรก) แต่บางประเทศอย่างเช่น อิตาลี คนอิตาลีดมทุกอย่างก่อนกินเพราะถือว่าทำให้เจริญอาหาร ยังไงไปอยู่ประเทศไหนก็ทำตามประเพณีประเทศนั้นๆ ดีที่สุด

4. เดินข้ามถนน 
ควรข้ามที่ทางม้าลายจะปลอดภัยที่สุดเพราะต่างประเทศส่วนใหญ่คนขับเค้าจะหยุดรถให้คนที่ข้ามทางม้าลาย (ยกเว้นอิตาลีกับฝรั่งเศสที่ค่อนข้างขับรถดุดันต้องระวังทั้งบนทางม้าลายและบนถนนทั่วไป)
พอรถหยุดแล้วให้รีบข้ามแล้วพยักหัวขอบคุณเล็กน้อยเป็นมารยาท อย่าข้ามถนนไปคุยไป
ถ้าข้ามถนนตรงป้ายไฟเขียวไฟแดง บางที่ต้องกดปุ่มสัญญาณก่อนแล้วไฟจะเปลี่ยนเป็นสีแดงให้ อย่ายืนรอแบบไร้จุดหมายเพราะรถจะไม่หยุดให้แน่นอน
ไม่ควรข้ามถนนตัดหน้ารถยนต์แบบที่ทำบ่อยๆ ในไทย เพราะถ้าโดนรถชน คนผิดคือเราเต็มๆ ที่ไม่ข้ามถนนตรงทางม้าลาย

5. ขับรถ
การขับรถในต่างประเทศนั้นเค้าจะเคารพกฎจราจรมากๆ เนื่องจากแทบทุกถนนจะมีกล้องวงจรปิด(แบบที่มีกล้องจริงๆ ไม่ใช่กล้องปลอมแบบในไทย) เอาไว้จับคนขับรถผิดกฎ ณ ทุกเวลาทุกสถานที่ ดังนั้นถ้ามาเที่ยวต่างประเทศหรืออยู่ต่างประเทศแล้วอยากจะขับรถ ให้ศึกษากฎจราจรของประเทศนั้นๆ ไว้ก่อนจะได้ไม่ขับผิดกฏแล้วโดนปรับ
ไม่ควรขับรถเร็วเกินกำหนด ตรงที่การจราจรติดขัดจะมีป้ายสัญญาณเตือนเรื่องอัตราเร็วของการขับรถไว้เป็นระยะๆ ให้คอยสังเกตแล้วลดความเร็วลงตามที่กำหนด อย่าคิดว่าไม่มีตำรวจแล้วจะซิ่งแค่ไหนแบบที่ขับในไทยก็ได้เด็ดขาด เพราะอย่างที่บอกไว้คือเค้ามีกล้องวงจรปิดที่จะถ่ายรูปเราตอนที่ขับรถเร็วเกินกำหนดส่งไปที่บ้านเพื่อให้มาจ่ายค่าปรับ แล้วค่าปรับก็ไม่ใช่ถูกๆ แบบในไทยด้วย ถ้าขับรถผิดกฎบ่อยๆ โดนปรับบ่อยๆ ก็มีสิทธิโดนยึดใบขับขี่ได้อีกต่างหาก
ห้ามขับรถแซงซ้ายแซงขวา ถ้าแซงรถคันข้างหน้าแล้วให้กลับเลนเดิม อย่าขับปาดหน้าคนอื่น พยายามขับรถอยู่ในเลนเดียว ห้ามขับฉวัดเฉวียนแบบในไทยที่สามารถแซงจากทางขวาข้ามเลนไปข้ามเลนมาเด็ดขาด เพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุ เราต้องตกเป็นคนผิดอย่างแน่นอน 
การจอดรถ ก่อนจอดต้องดูก่อนว่าเป็นที่ที่จอดได้หรือเปล่ามีสัญญาณอะไรบอกหรือไม่ว่าเป็นเขตห้ามจอด ถ้าจอดในที่ที่ต้องจ่ายเงินก็ต้องไปจ่ายเงินแล้วโชว์ตั๋วค่าจอดรถไว้ที่หน้ากระจก (ใส่ไว้ในรถให้คนตรวจเห็นชัดๆ) ถ้าจอดผิดที่หรือจอดรถแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน จะมีเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจแล้วแจกใบสั่งให้ไปจ่ายค่าปรับ (แพงกว่าค่าจอดรถอีกหลายสิบเท่า) อย่าจอดรถซ้อนคันหรือจอดรถส่งเดชไม่ดูตาม้าตาเรือนอกเวลาราชการเพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่กลับบ้านหมดแล้วแบบในไทย ยังมีเจ้าหน้าที่นอกเวลาคอยจับผิดคนอีกเยอะ

7. ทิป หลังจ่ายเงินค่าอาหารแล้วบางประเทศเค้าถือเป็นข้อกำหนดเลยว่าเราต้องให้ทิปอย่างน้อย 10% ของค่าอาหาร (เช่นในอเมริกา) บางประเทศถ้าไม่ยอมจ่ายจะถือว่าเป็นการเสียมายาทแม้ว่าจะไม่ได้เป็นข้อกำหนดตายตัว (เช่นในยุโรป) ดังนั้นก่อนลุกออกจากโต๊ะ ดูโต๊ะอื่นๆว่าเค้าจ่ายทิปกันหรือเปล่าอย่ากินเสร็จจ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้านไปเฉยๆ

8. น้ำมูก ที่อังกฤษถ้าเป็นหวัดหรือว่าน้ำมูกไหลเพราะอากาศเปลี่ยนให้สั่งน้ำมูกทันที ห้ามสูดน้ำมูกเด็ดขาด เพราะอันนี้ถือว่าเป็นการเสียมารยาทมากๆ ที่สูดน้ำมูกกลับเข้าจมูกไป คนอังกฤษเป็นหวัดตลอดเวลาเค้าจะมีทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้าพอมีน้ำมูกนิดหน่อยก็สั่งทันที ทุกที่ทุกเวลา (แต่คนไทยเรามักจะไม่ค่อยชอบสั่งน้ำมูกต่อหน้าคนอื่น ส่วนใหญ่จะสูดกลับเข้าไปแล้วฝรั่งบอกว่ามันเสียมารมาทมากๆเลย ส่วนเราก็คิดว่าสั่งน้ำมูกต่อหน้าคนอื่นสิที่เสียมารยาท แต่ก็อย่างว่าเราอยู่ประเทศเค้าก็ต้องทำตามกฎของเค้าอยู่ดี)

9. ต่อราคาของ ข้อนี้ถ้าไปร้านที่เจ้าของไม่ได้ขายเองก็ไม่ควรไปต่อราคาเพราะเด็กในร้านก็เป็นลูกจ้าง ขายเฉพาะสินค้าตามราคาป้ายเท่านั้น จะไปต่อของลดราคากับเค้าแบบในไทยไม่ได้ ในต่างประเทศส่วนมากราคาของต่างๆ ขายตามป้ายไม่มีการลดราคาใดๆ (ยกเว้นที่จีน อันนี้ต่อได้ต่อไปบอกสิบหยวนจ่ายสองหยวนยังมีเลย)


10. รองเท้า ถ้าได้ไปบ้านเพื่อนหรือไปบ้านคนรู้จักในต่างประเทศ บางบ้านเค้าใส่รองเท้าในบ้านเราก็ใส่เข้าไปได้เลย อย่าไปถอดรองเท้าแล้วเดินเท้าเปล่าเข้าบ้านเค้าเพราะธรรมเนียมต่างกัน แต่บางบ้านเค้าก็จะมีรองเท้าให้เปลี่ยนเราก็เปลี่ยนไป ยังไงก็ต้องถามเจ้าบ้านก่อนว่าจะให้ถอดหรือจะให้ใส่อันนี้ต่างบ้านก็ปฏิบัติต่างกัน