วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การปลูกมะเขือ

การปลูกมะเขือ











แปลงปลูกควรไถพรวนและปรับระดับดินให้เรียบสม่ำเสมอกันแล้วยกแปลงให้สูงประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง100 เซนติเมตร ปลูกเป็นแถวคู่ระยะระหว่างแถว 70 เซนติเมตร ระหว่างต้น 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมปลูกด้วย ปุ๋ยอินทรีย์ เกรด AAA ตรา ยักษ์เขียว สูตรเข้มข้น(แถบเขียว)  1 กระป๋องนมต่อหลุม คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วจึงย้ายกล้าลงหลุมปลูกหลุมละ 1-2 ต้น กลบดินให้เสมอระดับผิวดินอย่าให้เป็นแอ่งหรือเป็นหลุม เพราะจะทำให้น้ำขังและต้นกล้าเน่าตายได้ ถ้าปลูกขณะที่ฤดูฝนยังไม่สิ้นสุด แต่ถ้าปลูกในฤดูหนาวหรือฤดูแล้งควรจะกลบดินให้ต่ำกว่าระดับหลุมเล็กน้อย สำหรับการย้ายกล้าลงแปลงปลูกนี้ต้องเลือกต้นกล้าที่มีลักษณะดี มียอดและปราศจากโรคและแมลงรบกวน ถ้าเป็นการย้ายกล้าจากแปลงเพาะหรือแปลงชำมาลงปลูกโดยตรง ควรย้ายปลูกในเวลาที่อากาศไม่ร้อนคือในตอนบ่ายหรือตอนเย็น เมื่อย้ายเสร็จให้รีบรดน้ำตามทันทีจะทำให้กล้าตั้งตัวได้เร็วขึ้น และเปอร์เซ็นต์การตายน้อยลง แต่ถ้าเป็นการย้ายกล้าที่ชำในถุงพลาสติก สามารถย้ายลงแปลงได้ทุกเวลา กล้าจะตั้งตัวได้เร็วและรอดตายเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ หลังจากย้ายกล้าแล้วรดน้ำกล้าให้ชุ่มทุกเช้า-เย็นเมื่อกล้าตั้งตัวดีแล้วจึงควรรดน้ำเพียงวันละครั้งในบางแห่งอาจจะให้น้ำแบบเข้าตามร่องแปลงจนชุ่มแล้วปล่อยน้ำออก
การพรวนดินกลบโคนต้น
เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้แล้วควรพรวนดินกลบโคนต้น โดยเปิดเป็นร่องระหว่างแถว เพื่อให้การให้น้ำทำได้สะดวก น้ำไม่ขัง และทำให้รากมะเขือเกิดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ต้นแข็งแรงมากขึ้น และการพรวนดินกลบโคนก็เป็นการกำจัดวัชพืชไปในตัวด้วย หลังจากพรวนดินกลบโคนครั้งแรกแล้ว หลังจากนั้นอีก 1 เดือนให้ทำการกลบโคนอีกครั้งหนึ่ง

การให้ปุ๋ย
          ทางดิน สามารถใส่  ปุ๋ยอินทรีย์ เกรด AAA ตรา ยักษ์เขียว สูตรเข้มข้น(แถบเขียว)  เพื่อปรับสภาพดิน และกระตุ้นการทำงานของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน  รวมถึงช่วยให้รากพืชดูดซึมปุ๋ยได้ดีขึ้น  โดยอาจผสมกับปุ๋ยเคมีสูตร 12-24-12 หรือ 15-15-15 ในอัตรา ยักษ์เขียว(ส่วน) ต่อ ปุ๋ยเคมี 1 ส่วน” ซึ่งในปุ๋ย จะมีธาตุอาหารหลัก,รอง,และเสริม ค่อนข้างครบถ้วน ทำให้ช่วยลดต้นทุนธาตุอาหารเสริมทางใบได้ส่วนหนึ่ง
สำหรับปุ๋ยเคมีควรมีการใส่เสริมด้วยเพื่อให้คุณภาพและผลผลิตของมะเขือสูงขึ้นสำหรับปุ๋ยเคมีที่จะใช้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของดินแต่ละแห่ง เช่น ถ้าดินเป็นดินเหนียว ปุ๋ยเคมีที่ใช้ควรมีไนโตรเจนและโปแตสเซี่ยมเท่ากัน ส่วนฟอสฟอรัสให้มีอัตราสูง เช่น สูตร 12-24-12 หรือ 15-30-15 ถ้าเป็นดินร่วนควรให้ปุ๋ยที่มีโปแตสเซี่ยมสูงขึ้น แต่ไม่สูงกว่าฟอสฟอรัส เช่นสูตร 10-20-15 ส่วนดินทรายเป็นดินที่ไม่ค่อยจะมีโปแตสเซี่ยม จึงควรให้ปุ๋ยที่มีธาตุโปแตสเซี่ยมสูงกว่าตัวอื่น เช่นสูตร 15-20-20, 13-13-21 และ 12-12-17 เป็นต้น แต่ถ้าเป็นการปลูกมะเขือนอกฤดูจะต้องใช้ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูง เนื่องจากมะเขือจะใช้ปุ๋ยไนโตรเจนมากถ้าหากอุณหภูมิของอากาศสูง โดยในแต่ละช่วงของการใส่ให้ผสมปุ๋ยอินทรีย์ ยักษ์เขียว ในอัตรา ยักษ์เขียว(ส่วน) ต่อ ปุ๋ยเคมี 1 ส่วน เพื่อปรับสภาพดินและกระตุ้นการทำงานของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน  ทำให้พืชตอบสนองต่อปุ๋ยเคมีได้ดีขึ้น  โดยการแบ่งใส่ 3 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 หลังจากย้ายปลูก 7 วัน ใส่ปุ๋ย ยักษ์เขียว(ส่วน) + เคมี (ส่วน)   อัตรา  50 กิโลกรัมต่อไร่
ครั้งที่ 2 หลังจากครั้งที่หนึ่ง 15 วัน ใส่ปุ๋ย ยักษ์เขียว(ส่วน) + เคมี (ส่วน)   อัตรา  50 กิโลกรัมต่อไร่
ครั้งที3หลังจากครั้งที่สอง20วันหรือช่วงที่เริ่มติดผลเป็นเม็ดแล้วใส่ปุ๋ยยักษ์เขียว(ส่วน) + เคมี(ส่วน)  อัตรา  75 กิโลกรัมต่อไร่
หมายเหตุ      1.  ในพื้นที่ที่มีการปลูกซ้ำที่เป็นประจำทุกปี  ควรมีการนำดินตัวอย่างไปวิเคราะห์ ซึ่งหากพบว่าในดินมีการสะสมของฟอสฟอรัส ค่อนข้างสูง  ในฤดูการถัดไป  อาจใช้ปุ๋ยเคมีที่มีสัดส่วนฟอสฟอรัส ต่ำลงมา และเน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ยักษ์เขียว ซึ่งสารอินทรีย์ในเนื้อปุ๋ยจะกระตุ้นให้จุลินทรีย์ในดินที่เป็นประโยชน์ ช่วยย่อยธาตุอาหารที่ตกค้างจากปุ๋ยเคมี ทำให้สภาพดินสมดุล และช่วยลดโอกาสเกิดโรคเน่าทางดิน
2.    แนะนำให้มีการสุ่มตรวจวิเคราะห์ดินก่อนเพาะปลูกเพื่อเป็นแนวทางการใช้ปุ๋ยเคมี  เนื่องจากพื้นที่ ๆ ปลูกซ้ำทุก ๆ ปี  จะมีการสะสมของธาตุอาหารส่วนเกินที่ตกค้างและหลงเหลือจากการที่พืชนำไปใช้ไม่หมด ซึ่งหากมีปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เป็นพิษกับพืช 

http://www.phkaset.com/default.asp?content=contentdetail&id=3514

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น